การจัดการความเสี่ยง💥
ความหมายของความเสี่ยงในมุมมองขององค์การทั่วไป
ความเสี่ยง
(Risk)
หมายถึง เหตุการณ์/การกระทำใดๆ
ที่มีความแน่นอนซึ่งหากเกิดขึ้นจะมีผลกระทบในเชิงลบ
ต่อวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์การ
หรือลดโอกาสที่จะบรรลุความสำเร็จต่อการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการที่จะก้าวสู่พันธกิจ
และวิสัยทัศน์ที่ได้กำหนดไว้
โอกาส
(Opportunity)
หมายถึง เหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน
ซึ่งหากเกิดขึ้นจะมีผลกระทบในเชิงบวก
ต่อวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์การซึ่งผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะได้ทบทวนถึงกลยุทธ์ที่เหมาะสมและแผนงานที่เหมาะสมใหม่
เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่ม (Value Creation) ให้กับองค์การนอกเหนือจากแผนงานและโครงการที่ได้กำหนดไว้แล้ว
ความเสี่ยงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต
ประกอบด้วยปัจจัย 2 ประการ คือ
ความเป็นไปได้ของโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์หรือความน่าจะเกิดขึ้น
และความรุนแรงของผลตรงข้ามที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้นสิ่งสำคัญต้องทำให้ทั้ง 2 ประการได้สมดุลกัน
ประเภทของความเสี่ยง
ความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคหรืออันตราย
(Hazard)
ความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคหรืออันตราย
คือ เหตุการณ์ในเชิงลบ/เหตุการณ์ไม่ดีที่หากเกิดขึ้นแล้วอาจเป็นอันตรายหรือสร้างความเสียหายต่อองค์การ
เช่น ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การแข่งขันทางการตลาดทั้งสินค้าและบริการ
การเปลี่ยนแปลงนโยบาย กลยุทธ์ ศักยภาพ ความสามารถของผู้บริหารและพนักงาน เป็นต้น
ความเสี่ยงที่เป็นความไม่แน่นอน
(Uncertainly)
ความเสี่ยงที่เป็นความไม่แน่นอน คือ
เหตุการณ์ที่ทำให้ผลที่องค์การได้รับจากการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
หรือการไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
อันเนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ กัน เช่น
ต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่างบประมาณที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ความเสี่ยงที่เป็นโอกาส (Opportunity)
ความเสี่ยงที่เป็นโอกาส คือ
เหตุการณ์ที่ทำให้องค์การเสียโอกาสในการแข่งขัน
การดำเนินงานและการเพิ่มมูลค่าของผู้มีผลประโยชน์ร่วม เช่น
การไม่ส่งเสริมหรือพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะในการปฏิบัติงาน
เพื่อยกระดับประสิทธิภาพขององค์การ เป็นต้น
สาเหตุแห่งความเสี่ยง
ความเสี่ยงทุกประเภทเกิดขึ้นโดยมีเหตุแห่งความเสี่ยง
(Risk
Driver) ซึ่งอาจเป็นเหตุที่เกิดจากภายในองค์การ
ผู้บริหารควรทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อธุรกิจและเหตุผลแห่งความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมาตลอดเวลา
เพื่อจะได้สามารถควบคุมได้อย่างเพียงพอและเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น
ความเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
โดยองค์การทั่วไปมักต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น
แผนงาน/โครงการใหม่ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ การลงทุนไม่ให้ผลตอบแทนตามที่คาดไว้
การละเลยกระบวนการทางธุรกิจ ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
คุณภาพหรือปัญหาข้อขัดข้องของกิจกรรมประมวลผลและระบบสารสนเทศ เป็นต้น ดังนั้น
องค์การทั่วไปควรดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
แต่สามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่เป็นโอกาสในการเพิ่มคุณค่าให้กับองค์การ
สิ่งที่ทำให้ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญหรือการกำหนดระดับความไม่แน่นอนที่องค์การยอมรับได้
แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับผู้มีผลประโยชน์ร่วมกัน
👉แนวคิดการบริหารความเสี่ยง👈
การบริหารความเสี่ยง (Risk
Management) เป็นกลวิธีที่เป็นเหตุผลที่นำมาใช้ในการบ่งชี้
วิเคราะห์ ประเมิน จัดการ ติดตาม และสื่อสารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม
หน่วยงาน/ฝ่ายงาน หรือกระบวนการดำเนินงานขององค์การ เพี่อช่วยให้องค์การลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด
และเพิ่มโอกาสให้แก่ธุรกิจมากที่สุด การบริหารความเสี่ยง
ยังหมายความถึงการประกอบกันอย่างลงตัวของวัฒนธรรมองค์การ
กระบวนการและโครงสร้างองค์การ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการบริหาร
และผลได้ผลเสียขององค์การ
การบริหารความเสี่ยงโดยมีโครงสร้างองค์การ
กระบวนการ และวัฒนธรรมองค์การ ประกอบเข้าด้วยกันและมีลักษณะที่สำคัญ ได้แก่
1. ผสมผสานและเป็นส่วนหนึ่งขององค์การ
เพราะเป็นกลไกส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนไปสู่การกำกับดูแลกิจการที่ดี
2. การบริหารความเสี่ยงควรสอดคล้องกับแผนการต่างๆขององค์การ
3. พิจารณาความเสี่ยงทั้งหมด
โดยครอบคลุมความเสี่ยงทั่วทั้งองค์การ
4. ความเสี่ยงโดยรวมขององค์การ
ได้แก่ ความเสี่ยงเกี่ยวกับกลยุทธ์ (Strategic Risk) ความเสี่ยงเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน
(Operational Risk) ความเสี่ยงเกี่ยวกับการรายงานทุกประเภท
รวมทั้งรายงานทางการเงิน (Financial Risk) และความเสี่ยงทางด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง (Compliance Risk) ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสียหาย
ความไม่แน่นอน และโอกาส รวมถึงการมีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์
และความพึ่งพอใจของผู้มีส่วนได้เสียอย่างสำคัญ
5. การบริหารความเสี่ยงมีความคิดแบบมองไปข้าง
โดยบ่งชี้ปัจจัยของความเสี่ยงว่าเหตุการณ์ใดที่อาจจะเกิดขึ้นที่มีผลทางลบและมีผลต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ
6. ได้การสนับสนุนและมีส่วนร่วม
โดยทุกคนในองค์การตั้งแต่ระดับกรรมการ
ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงเพื่อความสำเร็จของเป้าประสงค์
หลักพันธกิจ และวิสัยทัศน์ขององค์การ
การจัดการความเสี่ยงขององค์การ (Enterprise
Risk Management : ERM)
COSO (Committee of Sponsoring Organizations
of Treadway Commission) ได้เสนอแนวทางใหม่ที่เรียกว่า
การจัดการความเสี่ยงขององค์การ (Enterprise Risk Management : ERM) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ระบุและวิเคราะห์ความเสี่ยงในมุมมองของภาพที่เป็นองค์รวมแบบบูรณาการทั่วทั้งองค์การ
ทุกองค์การไม่ว่าจะเป็นองค์การที่หวังผลกำไร องค์การทางการกุศล
หรือหน่วยงานของรัฐบาลที่ตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้เสีย
ทุกองค์การนั้นต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและความท้าทายทางการบริหาร
เพื่อที่จะกำหนดระดับของความไม่แน่นอนที่สามารถเตรียมพร้อมในการยอมรับในความเสี่ยงเป็นกรอบความคิดทางการบริหารเพื่อที่จะจัดการกับสภาวการณ์ที่ไม่มีความแน่นอนอย่างมีประสิทธิภาพและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
โอกาสและการเพิ่มความสามารถในการสร้างคุณค่าได้อย่างแท้จริงในหลักการของการบริหารเชิงรุกหรือการบริหารความเสี่ยงภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีในการสร้างคุณค่าเพิ่มระยะยาวให้กับองค์การและสังคม
ประโยชน์ของการจัดการความเสี่ยงขององค์การ
ไม่มีองค์การใดไม่ว่าภาครัฐหรือภาคเอกชนสามารถดำเนินการภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยงได้องค์การที่ต้องดำเนินในสภาวะแวดล้อมดังกล่าว
การจัดการความเสี่ยงจะช่วยให้ฝ่ายบริหารจัดการกับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
เพื่อก้าวสู่การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้อย่างสมเหตุสมผล
การจัดการความเสี่ยงขององค์การ
เป็นการส่งเสริมความสามารถในด้านต่อไปนี้
การปรับความเสี่ยงที่องค์การยอมรับได้
การปรับความเสี่ยงที่องค์การยอมรับได้เป็นการกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความเสี่ยงที่องค์การยอมรับได้
คือระดับความเสี่ยงที่องค์การเต็มใจที่จะยอมรับเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายขององค์การ
ซึ่งการบริหารความเสี่ยงจะพิจารณาถึงความเสี่ยงที่องค์การยอมรับได้เป็นอย่างแรก
เพื่อประเมินทางเลือกและพัฒนากลไกในการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องต่อไป
ความเชื่อมโยงการเติบโต ความเสี่ยง
และผลตอบแทน
การบริหารความเสี่ยงช่วยในการระบุและประเมินความเสี่ยง
รวมทั้งกำหนดระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้
ที่สัมพันธ์กับการเติบโตและเป้าหมายของผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ที่องค์การกำหนดไว้
ส่งเสริมการตัดสินใจในการตอบสนองความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
การบริหารความเสี่ยงใช้ในการระบุและเลือกทางเลือกในการตอบสนองความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ
ทั้งยังช่วยจัดหาวิธีการและเทคนิคสำหรับการตัดสินใจ
การลดความไม่แน่นอนและความสูญในการปฏิบัติงานให้น้อยที่สุด
การลดความไม่แน่นอนและความสูญเสียในการปฏิบัติงานให้น้อยที่สุดช่วยให้องค์การสามารถระบุเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
ประเมินความเสี่ยงและจัดการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
รวมทั้งลดสิ่งไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดจนความสัมพันธ์ของต้นทุนและการสูญเสีย
การระบุแลบริหารความเสี่ยงในองค์การ
ทุกๆองค์การเผชิญกับความเสี่ยงมากมายหลายประเภทที่ส่งผลต่อส่วนต่างๆขององค์การที่แตกต่างกัน
ฝ่ายบริหารไม่เพียงแต่ต้องบริหารความเสี่ยงเฉพาะบุคคลแต่เข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วย
มีการตอบสนองแบบบูรณาการกับความเสี่ยงที่หลากหลาย
กระบวนการทางธุรกิจนำมาซึ่งความเสี่ยงสืบเนื่องหรือความเสี่ยงจากลักษณะธุรกิจในหลายรูปแบบ
และการจัดการความเสี่ยงทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการต่อการบริหารความเสี่ยง
การฉกฉวยโอกาส
ฝ่ายบริหารต้องพิจารณาเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากกว่าพิจารณาเฉพาะความเสี่ยง
โดยการพิจารณาทุกระดับของเหตุการณ์
การจัดการกับทุนอย่างสมเหตุสมผล
การจัดการกับทุนอย่างสมเหตุสมผลต้องใช้ข้อมูลที่ถูกต้องมีความหมายต่อความเสี่ยงทั้งหมดขององค์การ
สิ่งนี้จะทำให้การบริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจัดเข้าถึงความต้องการและปรับปรุงการจัดสรรทรัพย์สินหรือทุน
รวมถึงงบประมานได้อย่างเหมาะสม
กรอบการบริหารความเสี่ยง
กรอบการบริหารความเสี่ยงจะช่วยให้ทุกหน่วยงานในองค์การมีวิธีการในการระบุ
ประเมิน และจัดการความเสี่ยงในทิศทางเดียวกัน
อันจะส่งผลให้การบริหารความเสี่ยงเกิดประสิทธิผลสูงสุด
กรอบการบริหารความเสี่ยงประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
วัฒนธรรมองค์การ (Culture)
ในการบริหารความเสี่ยงในทุกๆระดับขององค์การ
โดยผู้บริหารระดับสูงกำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์
และกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงและระดับความเสี่ยงที่องค์การยอมรับได้ และชี้แจงสิ่งเหล่านี้ให้ทุกคนในองค์การได้รับทราบเพื่อจะได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง
โครงสร้างการบริหารความเสี่ยง (Structure)
กำหนดโครงสร้างการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม
และระบุหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการบริหารความเสี่ยงอย่างชัดเจน
โดยถือว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกคนในองค์การ
ตั้งแต่คณะกรรมการผู้บริหารระดับสูง
ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน
กระบวนการ (Process)
ปฏิบัติตามระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
โดยมีการปรับปรุงกระบวนการให้มีความเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจอยู่เสมอ
ปัจจัยพื้นฐาน
(Infrastructure)
มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี
อันประกอบด้วย
1. บุคลากรที่มีความสามารถ
2. วิธีการวัดผลการดำเนินงาน
3. การให้ความรู้และฝึกอบรม
4. ช่องทางในการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์การ
5. วิธีการสอบทานคุณภาพเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าองค์การสามารถดำเนินการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการบริหารความเสี่ยง
หลักการบริหารความเสี่ยงประกอบด้วยพื้นฐาน 2 ประการ คือ
หลักการ ORCA และปัจจัยที่ทำให้การนำกรอบการบริหารความเสี่ยงไปปฏิบัติประสบผลสำเร็จ
หรือ
หลักการบริหารความเสี่ยง = หลักการ ORCA + ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
หลักการ ORCA
คำย่อของ ORCA คือ Qbjective – วัตถุประสงค์ Risk- ความเสี่ยง Control- การควบคุม ภายใน และ Alignment
– ความสอดคล้องกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่มีเหตุผล ดังนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์ (Objectives) ที่ชัดเจนขององค์การ
2. การประเมินความเสี่ยง (Risk) ที่อาจทำให้บรรลุวัตถุประสงค์
3. สร้างการควบคุมภายใน (Control) ที่เหมาะสมเพื่อจัดการความเสี่ยงขององค์การ
4. ดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่ามีความสอดคล้องกัน (Alignment)
ระหว่างวัตถุประสงค์ความเสี่ยงและควบคุมทั่วทั้งองค์การ
ปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการบริหารความเสี่ยง
ปัจจัยสำคัญ 8 ประการ เพื่อช่วยให้การปฏิบัติตามกรอบการบริหารความเสี่ยงประสบความสำเร็จ
มีดังนี้
ปัจจัยที่ 1
: การสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง
การปฏิบัติตามกรอบการบริหารความเสี่ยงขององค์การ
จะประสบความสำเร็จเพียงใดขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ การสนับสนุน การมีส่วนร่วม
และความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูงในองค์การ
คณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงขององค์การทั่วไปต้องให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ทุกคนในองค์การเข้าใจความสำคัญในคุณค่าของการบริหารความเสี่ยงต่อองค์การ
มิฉะนั้นแล้วการบริหารความเสี่ยงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
การบริหารความเสี่ยงต้องเริ่มต้นจากการที่กรรมการผู้จัดการ
หรือผู้นำสูงสุดขององค์การ ต้องการให้ระบบนี้เกิดขึ้น
โดยกำหนดนโยบายให้มีการปฏิบัติ
รวมถึงการกำหนดให้ผู้บริหารต้องใช้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการตัดสินใจและบริหารงาน
เป็นต้น
ปัจจัยที่ 2
: ความเข้าใจความหมายความเสี่ยงตรงกัน
การใช้คำนิยามเกี่ยวกับความเสี่ยงและการบริหารความเสี่ยงแบบเดียวกัน
จะทำให้เกิดความมีประสิทธิภาพในการกำหนดวัตถุประสงค์ นโยบาย กระบวนการ
เพื่อใช้ในการบ่งชี้และประเมินความเสี่ยง และกำหนดความเสี่ยงที่เหมาะสม
ปัจจัยที่ 3
: กระบวนการบริหารความเสี่ยง ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
การที่องค์การทั่วไปจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติตามกระบวนการบริหารความเสี่ยงได้นั้น
รูปแบบการบริหารความเสี่ยงขององค์การจะต้องมีการกำหนดขึ้น
และเป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารในทุกระดับที่จะนำกระบวนการบริหารความเสี่ยงมาปฏิบัติได้อย่างทั่วได้องค์การ
และต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
ปัจจัยที่ 4
: การบริหารการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการชี้แจง
ในการนำเอากระบวนการบริหารความเสี่ยงมาปฏิบัติ
จำเป็นต้องมีการปรับวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงขององค์การให้เข้ากับทุกระดับขององค์การและต้องให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงและผลที่องค์การและแต่ละบุคคลจะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงนั้น
องค์ประกอบที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลง
1. กำหนดความคาดหวังที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ
2.
กำหนดระยะเวลาของกระบวนการเปลี่ยนแปลงและสื่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
3. กำหนดลักษณะและระดับของความพยายามที่ต้องการ
4.
ดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่ามีการสื่อสารไปยังทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
5.
ระบุปัญหา อุปสรรคที่ต้องดำเนินการแก้ไขตั้งแต่เริ่มแรก
ปัจจัยที่ 5
: การสื่อสารที่มีคุณภาพเชื่อมโยงกับกลยุทธ์
วัตถุประสงค์ของการสื่อสารอย่างมีประสิทธิผลนั้น
ต้องให้มั่นใจได้ว่า
1. ผู้บริหารได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ถูกต้องและทันเวลา
2. ผู้บริหารสามารถจัดการกับความเสี่ยงตามลำดับความสำคัญหรือตามการเปลี่ยนแปลงหรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ได้ทันท่วงที
3. มีการติดตามแผนการจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงการบริหารองค์การ และจัดการความเสี่ยงต่างๆ
เพื่อให้องค์การมีโอกาสในการบรรลุวัตถุประสงค์ได้มากที่สุด
ปัจจัยที่ 6
: การวัดผลการบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับกระบวนการด้านบุคลากร
การวัดความเสี่ยงในรูปแบบของผลกระทบและโอกาสที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อให้ผู้บริหารสามารถประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้นและดำเนินการให้กระบวนการทั้งหมดเกิดความสอดคล้องกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
และเป็นการลดความแตกต่างระหว่างความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
และความเสี่ยงที่องค์การยอมรับ
ปัจจัยที่ 7
: การฝึกอบรม ความรู้ ความรับผิดชอบการบริหารความเสี่ยง
กรรมการ
ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนในองค์การ
ควรต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้เข้าใจกรอบการบริหารความเสี่ยง
และความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลในการจัดการความเสี่ยง
เพื่อบรรลุความสำเร็จขององค์การ การสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยง
การฝึกอบรมในองค์การควรต้องคำนึงถึงประเด็น ดังต่อไปนี้
1. ความแตกต่างกันของระดับความรับผิดชอบในการบริหารความเสี่ยง
2. ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยง
และการบริหารความเสี่ยงที่มีอยู่แล้วในองค์การ
3. พนักงานใหม่ทุกคน
ควรได้รับการฝึกอบรม เพื่อให้มีความเข้าใจในความรับผิดชอบต่อความเสี่ยง
และกระบวนการบริหารความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
4. ระบบการประเมินผลการดำเนินงาน
ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการส่งเสริมความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล
5. ความรับผิดชอบและการสนับสนุนกระบวนการบริหารความเสี่ยงและกรอบการบริหารความเสี่ยงที่แต่ละบุคคลมีต่อองค์การ
6. การวัดระดับของความเสี่ยงที่บุคคลนั้น
เป็นผู้รับผิดชอบ ว่าความเสี่ยงได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิผลเพียงใด
ปัจจัยที่ 8
: การติดตามกระบวนการบริหารความเสี่ยง
ขั้นตอนสุดท้ายของปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของการบริหารความเสี่ยง
คือ การกำหนดวิธีที่เหมาะสมในการติดตามการบริหารความเสี่ยง
การติดตามกระบวนการบริหารความเสี่ยง
ควรพิจารณาประเด็นต่อไปนี้
1. การรายงาน
และสอบถามขั้นตอนตามกระบวนการบริหารความเสี่ยง
2. ความชัดเจนและสม่ำเสมอของการมีส่วนร่วม
และความมุ่งมั่นของผู้บริหารระดับสูง
3. บทบาทของผู้นำในการสนับสนุน
และติดตามการบริหารความเสี่ยง
4. การประยุกต์ใช้เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง
ข้อจำกัดของการบริหารความเสี่ยงขององค์การ
การบริหารความเสี่ยงขององค์การทั่วไป
ที่มีประสิทธิผลไม่ได้มีกำหนดไว้ว่าวิธีการใด จะเป็นการออกแบบและการปฏิบัติที่ดี
การบริหารความเสี่ยงเป็นเพียงหลักประกันอย่างสมเหตุสมผลให้กับคณะกรรมการและผู้บริหารองค์การในการที่จะบริหารความเสี่ยงขององค์การให้บรรลุผลสำเร็จ
แนวคิดในการพิจารณาข้อจำกัดของการบริหารความเสี่ยง
ในการพิจารณาข้อจำกัดของการบริหารความเสี่ยงต้องพิจารณาแนวคิด
3 ประการ ดังนี้
1. ความเสี่ยงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอนาคต
2. การบริหารความเสี่ยงขององค์การต้องดำเนินในระดับที่แตกต่างเพื่อตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงอยู่นอกการควบคุมโดยทั่วไปของฝ่ายบริหาร
3. การบริหารความเสี่ยงขององค์การไม่สามารถเป็นเครื่องประกันในการตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ประเภทต่างๆ
ได้ทั้งหมด ไม่มีกระบวนการใดจะสามารถดำเนินการได้ตามที่ได้ตั้งใจไว้
ข้อจำกัดของการตัดสินใจกับการบริหารความเสี่ยง
ประสิทธิผลของการบริหารความเสี่ยงถูกจำกัดโดยศักยภาพของบุคคลในการตัดสินใจทางการบริหาร
การตัดสินใจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของบุคคลในเวลาที่มีอยู่
โดยมีพื้นฐานจากข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนั้นและภายใต้แรงกดดันของการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ข้อจำกัดในการแจงรายละเอียด
การบริหารความเสี่ยงขององค์การที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี
สามารถแจงรายละเอียดได้บุคลากรอาจไม่เข้าใจข้อแนะนำ โดยอาจตัดสินผิดพลาด หรืออาจเกิดความผิดพลาดเนื่องจากการไม่ได้รับ
ข้อจำกัดของการสมรู้ร่วมคิดของพนักงาน
พฤติกรรมการสมรู้ร่วมคิดของพนักงานตั้งแต่
2 คนขึ้นไปสามารถส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยงขององค์การได้
การปฏิบัติของแต่ละคนในการกระทำและปิดบังการปฏิบัติที่มักเลือกข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลในการบริหารอื่นๆ
ข้อจำกัดด้านต้นทุนกับผลตอบแทน
การมีทรัพยากรที่จำกัดและองค์การต้องพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนกับผลประโยชน์เพื่อตัดสินใจ
รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องเพื่อตอบสนองความเสี่ยงและการดำเนินกิจกรรมการควบคุม
การวัดต้นทุนกับผลตอบแทนเพื่อการนำไปปฏิบัติในการระบุเหตุการณ์และความสามารถในการประเมินความเสี่ยงและการตอบสนองที่เกี่ยวข้อง
และการทำกิจกรรมการควบคุมในระดับความแม่นยำที่แตกต่างกัน
การกระทำผิดกฎเกณฑ์และการละเลยของฝ่ายบริหาร
การบริหารความเสี่ยงขององค์การจะเกิดประสิทธิผลได้ขึ้นอยู่กับบุคลากรที่ทำหน้าที่ทางด้านนี้
แม้องค์การมีการบริหารและการควบคุมที่มีประสิทธิผล เช่น
มีระดับของความซื่อสัตย์ต่อองค์การและความตระหนักถึงเรื่องการควบคุมสูง
ผู้บริหารก็อาจ Override หรือ ละเลย
กระทำผิดกฎเกณฑ์กระบวนการบริหารความเสี่ยงได้
ไม่มีระบบการบริหารหรือการควบคุมใดที่ไม่มีข้อผิดพลาดนั้น
แนวปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศในการบริหารความเสี่ยงขององค์การทั่วไป
แนวปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศในการบริหารความเสี่ยงประกอบด้วย
1. การนำการบริหารความเสี่ยงมาใช้เป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์
เพื่อช่วยสนับสนุนการบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ
2. การทำให้การบริหารความเสี่ยงมีความสอดคล้องและรวมอยู่ในกระบวนการดำเนินงานที่มีอยู่ในปัจจุบันขององค์การ
3. การบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในภาพรวมและความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์
4. กรรมการผู้จัดการและผู้บริหารระดับสูงต้องสนับสนุนและเน้นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการบริหารความเสี่ยง
รวมทั้งแสดงความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยง
5. การใช้คำนิยามเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เป็นที่เข้าใจและใช้ร่วมในองค์การ
6. การมีกระบวนการในการบ่งชี้
วิเคราะห์ จัดการ ติดตาม และรายงานความเสี่ยง
7. องค์การต้องมีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างจริงจัง
ในการบ่งชี้และบริหารความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการนำการบริหารความเสี่ยงเข้ามาปรับใช้ภายในองค์การ
8. มีการสื่อสารให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
โดยเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง
9. การวัดผลความเสี่ยงทั้งในเชิงคุณภาพ
เช่น ชื่อสียง การขาดบุคลากรหลักในการดำเนินงาน และเชิงปริมาณ เช่น ผลขาดทุน
มูลค่ารายได้ หรือค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยพิจารณาจาก 2 ประเด็น คือ โอกาสที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบ
10. การจัดให้มีการฝึกอบรมและใช้กลไกการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ
เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง ความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล
และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติที่เหมาะสม
11. การจัดให้หน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบในการบริหารความเสี่ยง
เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือในการดำเนินการ
การสนับสนุนการนำการบริหารความเสี่ยงมาปฏิบัติ
และการพัฒนาความสามารถในการบริหารความเสี่ยงของพนักงาน
แต่ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการประเมินและจัดการความเสี่ยงที่ดีที่เกิดขึ้น
12. ผู้ตรวจสอบภายในมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่าองค์การมีการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงแบบยั่งยืน
การปลูกฝังนโยบาย โครงสร้าง
และกระบวนการบริหารความเสี่ยงในกิจกรรมการปฏิบัติงานปกติขององค์การ เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการพัฒนากรอบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
ความสำคัญอีกประการหนึ่ง
คือ การสร้างความยั่งยืนให้กับกรอบการบริหารความเสี่ยง
ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าความเสี่ยงที่ผู้บริหารรับทราบแล้วและคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนความเสี่ยงใหม่ได้รับการบ่งชี้เพิ่มเติม
โดยมีการสื่อสารและการตอบสนองอย่างเหมาะสม
การทำให้เกิดกรอบการบริหารความเสี่ยงที่ยั่งยืน
ประกอบด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้
1.
การมีกรอบการบริหารความเสี่ยงเพื่อบ่งชี้ความเสี่ยงที่องค์การมีอยู่
2.
การมีระบบเพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการปฏิบัติอย่างเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
3.
การมีระบบและการควบคุมอย่างเหมาะสมเพื่อบ่งชี้ความเสี่ยงใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นก่อนที่จะก่อให้เกิดปัญหาสำคัญ
4.
การประเมินประสิทธิผลของกิจกรรมการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
5.
การรายงานและการประเมินความสูญเสียจากส่วนต่างๆ
ขององค์การภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยงที่กำหนด
6.
การดำเนินธุรกิจควรคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยง
พร้อมทั้งมีการประเมินผลและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้กรอบการบริหารความเสี่ยงมีความยั่งยืน
7.
การทำให้กรอบการบริหารความเสี่ยงมีความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดขึ้นต้องอาศัยระยะเวลา
ความพยายาม และวัฒนธรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
🙏 ขอขอบคุณ🙏 :
https://sites.google.com/site/rtech603xx/unit-9/unit-14
💻สืบค้นเมื่อวันที่💻 24
พฤศจิกายน 2561